tag:blogger.com,1999:blog-44939633848614570432024-02-20T04:57:45.121-08:00Anchana kamnodkwamอัญชนา กำหนดความhttp://www.blogger.com/profile/13776172169370068491noreply@blogger.comBlogger1125tag:blogger.com,1999:blog-4493963384861457043.post-29870474608623806272011-09-20T19:44:00.000-07:002011-09-20T19:44:21.637-07:00ผลกระทบโลกร้อน<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><strong>ผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน</strong></span><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">แม้ ว่าโดยเฉลี่ยแล้วอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อเป็นทอด ๆ และจะมีผลกระทบกับโลกในที่สุด ขณะนี้ผลกระทบดังกล่าวเริ่มปรากฏให้เห็นแล้วทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การละลายของน้ำแข็งทั่วโลก ทั้งที่เป็นธารน้ำแข็ง (glaciers) แหล่งน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก และในกรีนแลนด์ซึ่งจัดว่าเป็นแหล่งน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำแข็งที่ละลายนี้จะไปเพิ่มปริมาณน้ำในมหาสมุทร เมื่อประกอบกับอุณหภูมิเฉลี่ยของน้ำสูงขึ้น น้ำก็จะมีการขยายตัวร่วมด้วย ทำให้ปริมาณน้ำในมหาสมุทรทั่วโลกเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้ระดับน้ำทะเล สูงขึ้นมาก ส่งผลให้เมืองสำคัญ ๆ ที่อยู่ริมมหาสมุทรตกอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลทันที </span><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"> มีการคาดการณ์ว่า หากน้ำแข็งดังกล่าวละลายหมด จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 6-8 เมตรทีเดียว </span><br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">ผล กระทบที่เริ่มเห็นได้อีกประการหนึ่งคือ การเกิดพายุหมุนที่มีความถี่มากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้นด้วย ดังเราจะเห็นได้จากข่าวพายุเฮอริเคนที่พัดเข้าถล่มสหรัฐหลายลูกในช่วงสองสาม ปีที่ผ่านมา แต่ละลูกก็สร้างความเสียหายในระดับหายนะทั้งสิ้น สาเหตุอาจอธิบายได้ในแง่พลังงาน กล่าวคือ เมื่อมหาสมุทรมีอุณหภูมิสูงขึ้น พลังงานที่พายุได้รับก็มากขึ้นไปด้วย ส่งผลให้พายุมีความรุนแรงกว่าที่เคย</span> <br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"> นอกจากนั้น สภาวะโลกร้อนยังส่งผลให้บางบริเวณในโลกประสบกับสภาวะแห้งแล้งอย่างอย่างไม่ เคยมีมาก่อน เช่น ขณะนี้ได้เกิดสภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นอีกเนื่องจากต้นไม้ในป่าที่เคยทำ หน้าที่ดูดกลืนแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ล้มตายลงเนื่องจากขาดน้ำ นอกจากจะไม่ดูดกลืนแก๊สต่อไปแล้ว ยังปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาจากกระบวนการย่อยสลายด้วย และ</span><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">ยังมีสัญญาณเตือนจากภัยธรรมชาติอื่น ๆ อีกมา ซึ่งหากเราสังเกตดี ๆ จะพบว่าเป็นผลจากสภาวะนี้ไม่น้อย</span><br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><span class="fontHeader"><strong> ความจริงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อน Global Warming</strong></span></span><br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><span class="fontHeader"><strong>นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น<br />
</strong>- จำนวนพายุ Hurricane Category 4 และ 5 เพิ่มขึ้นสองเท่า ในสามสิบปีที่ผ่านมา <br />
<br />
- เชื้อมาลาเรียได้แพร่กระจายไปในที่สูงขึ้น แม้แต่ใน Columbian, Andes ที่สูง 7000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล <br />
<br />
- น้ำแข็ง ใน ธารน้ำแข็ง เขตกรีนแลนด์ ละลายเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา <img align="right" alt="" border="0" height="154" hspace="4" src="http://campus.sanook.com/story_picture/b/02253_004.jpg" vspace="4" width="237" /><br />
<br />
- สัตว์ต่างๆ อย่างน้อย 279 สปีชี่ส์กำลังตอบสนองต่อ ภาวะโลกร้อน โดยพยายามย้ายถิ่นที่อยู่ <br />
และหากเรายังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับรองได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้แน่<br />
<br />
- อัตรา ผู้เสียชีวิต จาก โลกร้อน จะพุ่งไปอยู่ที่ 300000 คนต่อปี ใน 25 ปีต่อจากนี้ ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 ฟุต <br />
- คลื่นความร้อน จะมาบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น <br />
- ภาวะฝนแล้ง และไฟป่าจะเกิดบ่อยขึ้น <br />
- มหาสมุทรอาร์กติกจะไม่เหลือน้ำแข็ง ภายในฤดูร้อน 2050 <br />
- สิ่งมีชีวิตกว่าล้านสปีชี่ส์เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ </span> </span><br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"><strong> ตารางแสดงแก๊สเรือนกระจกและแหล่งที่มา</strong></span> <br />
<table border="1" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody>
<tr><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><strong>แก๊สเรือนกระจก</strong></span> </td><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><strong> แหล่งที่มา</strong></span> </td><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;"><strong>ส่งผลให้โลกร้อนขึ้น (%)</strong></span> </td></tr>
<tr><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์<br />
(CO2)</span> </td><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">1) จากแหล่งธรรมชาติ เช่น กระบวนการหายใจของสิ่งมีชีวิต<br />
2) จากมนุษย์ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ , การตัดไม้ทำลายป่า (ลดการดูดซับ CO2)</span></td><td><div><span style="font-size: small;">57</span> </div></td></tr>
<tr><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">แก๊สมีเทน<br />
(CH4)</span></td><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">1) จากแหล่งธรรมชาติ เช่น จากการย่อยสลายของสิ่งมีชีวิต, การเผาไหม้ที่เกิดจากธรรมชาติ<br />
2) จากมนุษย์ เช่น จากนาข้าว, แหล่งน้ำท่วม, จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงประเภทถ่านหิน น้ำมัน และแก๊สธรรมชาติ</span></td><td><div><span style="font-size: small;">12</span> </div></td></tr>
<tr><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">แก๊สไนตรัสออกไซด์<br />
(N2O)</span></td><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">) จากมนุษย์ เช่น อุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริกในขบวนการผลิต, อุตสาหกรรมพลาสติก, อุตสาหกรรมไนลอน, อุตสาหกรรมเคมี, การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากซากพืชและสัตว์, ปุ๋ย, การเผาป่า<br />
2) จากแหล่งธรรมชาติ - อยู่ในภาวะที่สมดุล</span></td><td><div><span style="font-size: small;">6</span> </div></td></tr>
<tr><td><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif; font-size: small;">แก๊สที่มีส่วนประกอบ<br />
คลอโรฟลูออโรคาร์บอน<br />
(CFCS)</span></td><td><span style="font-size: small;">จาก มนุษย์ เช่น อุตสาหกรรมต่างๆ และอุปกรณ์เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น โฟม, กระป๋องสเปรย์, เครื่องทำความเย็น ; ตู้เย็น แอร์ , ตัวทำลาย (แก๊สนี้จะรวมตัวทางเคมีได้ดีกับโอโซนทำให้โอโซนในชั้นบรรยากาศลดลงหรือเกิด รูรั่วในชั้นโอโซน)</span></td><td><div><span style="font-size: small;">25</span> </div></td></tr>
</tbody></table><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"><strong> อะไรทำให้เกิดสภาวะโลกร้อน</strong></span><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">เราคงทราบแล้วว่าสภาวะโลกร้อนเกิดจากการที่มีแก๊สเรือนกระจกในบรรยากาศมากเกินไป แก๊สเรือนกระจกตัวหนึ่งที่สำคัญได้แก่<u>คาร์บอนไดออกไซด์</u> ซึ่งเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงเพื่อใช้งาน มนุษย์เองเป็นผู้ปล่อยแก๊สนี้ออกมาเป็นจำนวนมากเพื่อนำพลังงานมาใช้ ยิ่งเราใช้พลังงานมากเท่าใด ก็ยิ่งได้แก๊สเรือนกระจกออกมามากขึ้นเป็นเงาตามตัว หากเราพิจารณาอัตราการใช้พลังงานในช่วงครึ่งศรวรรษที่ผ่านมา จะพบว่าสอดคล้องกับการเพิ่มปริมาณแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเป็นอย่างดี และไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลงในระยะเวลาอันใกล้นี้</span> <br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"> ปรากฏการณ์ ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันนี้ ที่จริงแล้วเป็นกระบวนการรักษาตัวเองของโลก หากเป็นสภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติโลกจะกลับมาสู่สภาวะสมดุลได้ในเวลาไม่ นานนัก แต่เนื่องจากมนุษย์เราเร่งผลิตแก๊สเรือนกระจกออกมามากเกินขีดความสามารถของ โลกที่จะเยียวยาตนเองได้ทัน การเกิดสภาวะโลกร้อนอย่างรวดเร็วและรุนแรงจึง เกิดขึ้น กล่าวโดยสรุปก็คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดสภาวะโลกร้อนในครั้งนี้ก็คือ...<strong>มนุษย์</strong></span> <br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"><strong> แล้วเราจะหยุดสภาวะโลกร้อนได้อย่างไร</strong></span><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">เป็น เรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าเราคงไม่อาจหยุดยั้งสภาวะโลกร้อนที่กำลังจะเกิดขึ้น ในอนาคตได้ ถึงแม้ว่าเราจะหยุดผลิตแก๊สเรือนกระจกโดยสิ้นเชิงตั้งแต่บัดนี้ เพราะโลกเปรียบเสมือนเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีกลไกเล็ก ๆ จำนวนมากทำงานประสานกัน การตอบสนองที่มีต่อการกระตุ้นต่าง ๆ จะต้องใช้เวลานานกว่าจะกลับเข้าสู่สภาวะสมดุล และแน่นอนว่า สภาวะสมดุลอันใหม่ที่จะเกิดขึ้นย่อมจะแตกต่างจากสภาวะปัจจุบันอย่างมาก</span> <br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"> แต่ เราก็ยังสามารถบรรเทาผลอันร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพื่อให้ความ รุนแรงลดลงอยู่ในระดับที่พอจะรับมือได้ และอาจจะชลอปรากฏการณ์โลกร้อนให้ช้าลง กินเวลานานขึ้น สิ่งที่เราพอจะทำได้ตอนนี้คือพยายามลดการผลิตแก๊สเรือนกระจกลง และเนื่องจากเราทราบว่าแก๊สดังกล่าวมาจากกระบวนการใช้พลังงาน การะประหยัดพลังงานจึงเป็นแนวทางหนึ่งในการลดอัตราการเกิดสภาวะโลกร้อนไปใน ตัว</span> <br />
<span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;"><strong> เรามาช่วยกันแก้ปัญหาโลกร้อนกันเถอะ</strong></span> <br />
<ol><li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ขับรถให้น้อยลง</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">รีไซเคิลให้มากขึ้น</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ตรวจลมยางเป็นประจำ</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">อาบน้ำร้อน (จากเครื่องทำน้ำอุ่น) ให้น้อยลง</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ลดขยะลดหีบห่อที่ไม่จำเป็น</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในห้องให้พอเหมาะ</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ปลูกต้นไม้มาก ๆ </span></li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น</span> </li>
<li><span style="font-family: Verdana,Arial,Helvetica,sans-serif;">ช่วยกันบอกต่อข่าวนี้ เพื่อร่วมกันสร้างจิตสำนึกทางสิ่งแวดล้อมใก้เกิดขึ้น </span></li>
</ol>อัญชนา กำหนดความhttp://www.blogger.com/profile/13776172169370068491noreply@blogger.com0